วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อนุทินที่ 3 วิเคราะห์ข่าวกฎหมายการศึกษา






                                   วิเคราะห์ข่าวกฎหมายการศึกษา


ครูสาวสุดโหด! ไม้พลองกระหน่ำฟาดเด็ก 99 ครั้ง แค่ขอเข้าห้องน้ำตอนสอบ


http://www.manager.co.th/images/blank.gif
        แม่เข้าแจ้งความ ลูกชาย 7 ขวบถูกครูสาวมือใหม่ใช้ไม้พลองลูกเสือกระหน่ำตี 99 ครั้ง จนหลังลายไข้ขึ้นเลือดออกซิบๆ เพียงแค่เด็กขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำในเวลาสอบ ผู้เห็นเหตุการณ์เผยครูกระโดดตีอย่างรุนแรง หลายคนพยายามห้ามก็ไม่หยุดแถม บอกจะตีให้ครบ 100 ที  

       วันที่ 25 ธ.ค. 59 เมื่อเวลา 21.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีเด็กนักเรียนถูกครูตีได้รับบาดเจ็บ พักอยู่ที่ซอยไอยรา 2 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุ พบประชาชนและพ่อแม่ของเด็กชายภานุเดช ขันทอง อายุ 7 ขวบ เด็กนักเรียนโรงเรียนชั้น ป.1/3 โรงเรียนสังห์อ่ำวิทยา ที่ถูกครูสาวตีที่ก้นและหลังได้รับบาดเจ็บมีร่องรอยฟกช้ำเขียวช้ำหลายแห่ง

     

       จากการสอบถามเด็กชายภานุเดชได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 3 วันที่แล้วขณะตนเองอยู่ระหว่างการสอบวิชาคณิตศาสตร์ โดยขออนุญาตครูที่คุมสอบไปเข้าห้องน้ำ แต่ครูที่คุมสอบไม่ให้ไปและได้ทำโทษด้วยการใช้ไม้พลองลูกเสือตีที่ก้นและหลังจำนวน 99 ครั้ง ตนเองรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และช่วงเย็นพ่อของตนได้มารับที่โรงเรียนจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟัง และเมื่อผู้ปกครองเปิดให้ผู้สื่อข่าวดูบาดแผลที่บริเวณแผ่นหลังและก้นก็พบมีรอยเขียวช้ำหลายแห่งไปทั่วบริเวณ บางแห่งมีเลือดออกซิบๆ อย่างเห็นได้ชัด

   ด้านนางบุญสืบ ขันทอง ผู้เป็นแม่ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวและน้ำตาคลอเบ้าว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมาขณะที่สามีไปรับลูกชายกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านเห็นลูกชายร้องงอแงและยังอยู่ในอาการหวาดผวา จึงเปิดเสื้อออกดูก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าที่ก้นและแผ่นหลังของลูกชายมีรอยเขียวช้ำ สอบถามลูกชายบอกว่าถูกคุณครูตีมา โดยใช้ไม้ตีถึง 99 ที ต่อหน้าเด็กๆ จากนั้นจึงได้ไปสอบถามทางครูที่เป็นคนลงโทษลูกชายว่าตีลูกตนด้วยสาเหตุใด และทำไมถึงได้ตีขนาดนั้น ครูอ้างว่าจะตีให้ครบ 100 ที ตนได้สอบถามว่าเด็กทำผิดอะไร ครูอ้างว่าน้องทำผิดโทษฐานที่ออกจากห้องเรียนก่อนเวลา และเมื่อไปสอบถามทางแม่บ้านและเพื่อนๆ ลูกชายก็พบว่าครูใช้ไม้พลองที่พันด้วยกระดาษกาวกระโดดตีอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่เพื่อนครูและแม่บ้านพยายามห้ามปรามแล้วแต่ครูไม่ฟังและไม่ยอมลดละ จนลูกชายร้องไห้ไม่หยุด แถมครูยังบอกว่าจะตีให้ครบ 100 ที
      
       ทั้งนี้ หลังจากได้ปรึกษาญาติและทนายแล้วก็ได้ไปแจ้งความและลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คลองหลวง ไว้เป็นหลักฐาน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตนพาลูกชายไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ตรวจร่างกายเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยแพทย์ระบุว่าแผลกดเจ็บช้ำบวม ตามหลัง ก้น และแขนทั้งสองข้าง หลังไปแจ้งความทางครูพุทราทราบข่าวได้ให้มารดาของครูมาพูดคุยกับตน แต่ตนรับไม่ได้ ถึงขั้นตีลูกชายตัวเล็กๆ ได้ถึงขนาดนี้ แถมยังไม่ยอมมาพูดคุยด้วยตนเอง และไม่มาดูอาการลูกชายตนเองอีกด้วย โดยตนเองพร้อมครอบครัวและทนายความจะไปพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.คลองหลวงอีกครั้ง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อครูให้ถึงที่สุด  
        


สิ่งที่ได้เรียนรู้จากข่าวการศึกษา

          จากการอ่านข่าวดังกล่าว ดิฉันรู้สึกตกใจและไม่ชอบเป็นอย่างมาก ในฐานะที่ดิฉันเรียนคณะครุศาสตร์ ซึ่งเป็นคณะที่ผลิตครูหรือแม่พิมพ์ของชาติโดยตรง ทำให้ดิฉันไม่ชอบใจในบทลงโทษของครูคนดังกล่าว เพราะดิฉันคิดว่าครุศาสตร์มักจะปลูกฝังเรื่องคุณธรรมจริยธรรมความเป็นครูและจิตวิทยาต่างๆในการลงโทษอย่าง เหมาะสม หรือพูดคุยว่ากล่าวตักเตือนนักเรียน ซึ่งดิฉันคิดมาเสมอว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่ต้องมีจิตเมตตา ไม่ใช่โหดเหี้ยมเช่นข่าวดังกล่าว ซึ่งครูจะต้องเป็นทั้งนักปราชญ์ และผู้ทรงศีล กล่าวคือครูต้องเป็นผู้ประเสริฐและประสาทความรู้ สร้างความเป็นคนและอบรมสั่งสอนเด็กให้เป็นเด็กที่ดีของสังคม เช่น ในด้านการเป็นนักปราชญ์ เช่น ครูจะต้องมีความดีและถ่ายทอดดี สอนให้เด็กได้รับความรู้และสนุกมีชีวิตชีวา ส่วนความเป็นผู้ทรงศีลของครู ในฐานะที่ครูเป็นแม่แบบของชาติหรือเป็นต้นแบบในพฤติกรรมทั้งหลาย ซึ่งจะช่วยให้ครูเป็นคนดี วางตัวดี เป็นที่เคารพและเป็นที่น่าเชื่อฟังของลูกศิษย์ จึงกล่าวได้ว่า ครูต้องมีคุณธรรม หรือคุณธรรมสำหรับครูเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับครูอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าครูจำเป็นต้องมีคุณธรรม แต่คุณธรรมอย่างเดียวไม่เพียงพอครูต้องเป็นนักปรัชญาด้วย เพื่อจะได้ประคับประคองสนับสนุน และส่งเสริมให้เด็กเจริญก้าวหน้าอย่างเต็มที่ 

เนื่องจากสภาพสังคมในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางค่านิยมหรือการเสพติดสื่อต่างๆมากจนเกินไปจนเกิดผลกระทบต่อการประพฤติปฏิบัติของครู ทำให้คุณธรรมของครูตกต่ำลง เพราะอาชีพครูถือว่าเป็นบัณฑิตหรือผู้รู้  ครูจึงกลายเป็นบุคคลที่สังคมคาดหวังว่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์และสังคมและเป็นที่คาดหวังว่าจะมีคุณธรรมอันจะสามารถยกย่องได้ว่าเป็นบุคคลที่ควรเคารพบูชาหรือเป็นปูชนียบุคคล  ซึ่งครูควรเป็นคนดีมีศีลธรรม ถ้าครูที่มีปัญหาเหล่านั้นเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์หรือแพร่ในสังคมสื่อออนไลน์ คนทุกคนก็จะถูกกระทบกระเทือนไปด้วย เหมือนดังสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง เพราะสังคมพิจารณาและเห็นว่าครูเป็นผู้ทำผิดไม่ได้ ครูขาดคุณธรรมก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะครูเป็นบุคคลที่สังคมต่างให้ความไว้วางใจและให้การยกย่องนับถือ การประพฤติตนที่มีปัญหาทั้งกับตัวเองกับลูกศิษย์และกับสังคมย่อมเป็นการทำลายคุณค่าในอาชีพครูและตัวครูเอง

ฉะนั้นครูที่ดีและผู้ที่จะเป็นครูในอนาคตจึงควรศึกษาหลักธรรมในพุทธศาสนาให้เข้าใจ และนำไปปฏิบัติให้ได้ผลดีต่อตนเอง ต่อลูกศิษย์ และต่อประเทศชาติ นอกจากนี้ในความคิดเห็นของดิฉัน ดิฉันคิดว่าครูคนดังกล่าวควรได้รับการลงโทษอย่างสาสม คือ ยึดใบประกอบวิชาชีพเป็นเวลา 2-3 ปี ขณะที่ยึดใบประกอบวิชาชีพก็ไม่สามารถประกอบอาชีพครูได้และจะต้องบำเพ็ญตนแก่สาธารณะ เป็นต้น แต่หากหลังจากที่ได้รับโอกาสแล้วยังคงประพฤติตนเช่นเดิมก็ควรยึดประกอบวิชาชีพและไม่อนุญาตให้ประกอบอาชีพครูตลอดชีวิต เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ครูท่านอื่นๆและเพื่อรักษาศักดิ์ความเป็นครูที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่พิมพ์ของชาติ



สืบค้นเมื่อวันที่ วันศุกร์ ที่ 27 เดือน มกราคม พ..2560




       
http://www.manager.co.th/images/blank.gif
    

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
    



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น