วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

อนุทินที่ ๔ ตอบคำถามจากบทเรียนที่ได้ศึกษา (แบบฝึกหัด:บทที่ ๒)







อนุทินที่ ๔ ตอบคำถามจากบทเรียนที่ได้ศึกษา (แบบฝึกหัด: บทที่ ๒)


1. ใครเป็นผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก และมีเหตุผลอย่างไร และประเด็นที่
เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา เป็นอย่างไร อธิบาย
ผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก คือ คณะราษฎร์ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับแรก คือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 โดยสาเหตุการขอรัฐธรรมนูญฉบับแรกก็คือ คณะราษฎร์ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาสิทธิราชที่มีพระมหากษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุข ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้  พระราชทานรัฐธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามตามความประสงค์เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พุทธศักราช  2475 และประกาศเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พุทธศักราช 2475  ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 49 ซึ่งพระยามโนปกรณนิติธาดา เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นอกจากนี้ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้แก่ หมวด 2  สิทธิและหน้าที่ของชนชาวสยาม มาตรา 14 ภายในบังคับแห่งกฎหมายบุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ภายในร่างกายเคหสถาน ทรัพย์สิน การพูด การเขียน การโฆษณา การศึกษาอบรม การประชุมโดยเปิดเผย การตั้งสมาคม การอาชีพ



2. แนวนโยบายแห่งรัฐในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2492 ได้กำหนดอย่างไร อธิบาย
|หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย 
- ตามกฎหมายจะว่าด้วยการอบรมและไม่ขัดต่อกฎหมายการศึกษา ในความเสมอภาคต่อบุคคลทีเข้ารับการศึกษา
|หมวด 4 หน้าที่ของชนชาวไทย
- ตามกฎหมายจะว่าด้วยบุคคลต้องได้รับการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา
|หมวด 5 แนวนโยบายแห่งรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
- ตามกฎหมายจะว่าด้วยการศึกษาทำให้คนเป็นคนดีต่อสังคม
- การศึกษาจะเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องคอยดูแลช่วยเหลือ และสำหรับการศึกษาระดับอุดมศึกษาต้องกฎหมายตามข้อบัญญัติ
- การศึกษาในระดับประถมศึกษาจะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ


3. เปรียบเทียบแนวนโยบายแห่งรัฐประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของรัฐธรรมนูญฯพุทธศักราช 2511 พุทธศักราช 2517 และ พุทธศักราช 2521 เหมือนหรือต่างกันอย่างไร อธิบาย
มีความเหมือนกันค่อนข้างมาก แต่จะแตกต่างกันตรงที่ ปีพุทธศักราช 2511 ไม่ได้กล่าวถึงว่า สถานศึกษาของท้องถิ่นพึงให้ความเสมอภาคแก่บุคคลในการเข้ารับการศึกษาอบรมตามความสามารถของบุคคลนั้นๆ  อีกประการหนึ่งคือ ปีพุทธศักราช 2511 และ พุทธศักราช 2517 ไม่ได้ กล่าวถึงว่า การศึกษาอบรมขั้นอุดมศึกษา รัฐพึงจัดให้สถานศึกษาดำเนินกิจการของตนเองได้โดยอิสระในขอบเขตที่กฎหมายบัญญัติ แต่ในปีพุทธศักราช 2521 ได้มีการบัญญัติขึ้นเพิ่มเติม
แนวนโยบายแห่งรัฐประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของรัฐธรรมนูญฯพุทธศักราช 2511 พุทธศักราช 2517 และ พุทธศักราช 2521 มีทั้งที่เหมือนกันและแตกต่างกัน
- ปี พ.ศ. 2511 และ ปี พ.ศ.2517 ทั้งสองปี พ.ศ.มีความเหมือนกันในการศึกษาจะส่งเสริมการศึกษาในระดับอุดมศึกษา รัฐบาลจัดการให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมของตนเอง และการศึกษาระดับประถมศึกษาจะไม่เก็บค่าเล่าเรียน แต่ ปี พ.ศ.2521 การศึกษาระดับอุดมศึกษาจะไม่เก็บค่าเล่าเรียน มีการฝึกอาชีพให้กับนักเรียนเพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนระดับประถมไม่ได้พูดถึง
- ทั้ง 3 ปี พ.ศ.จะส่งเสริมในงานวิจัย ด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
- ปีพ.ศ.2521 ส่งเสริมการพัฒนาเยาวชนให้เป็นผู้มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา แต่ปี พ.ศ. 2511 และ ปี พ.ศ.2517 ไม่ได้พูดถึง


4. ประเด็นที่ 1 รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2475-2490 ประเด็นที่ 2 รัฐธรรมนูญฯพุทธศักราช 2492-2517 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร อธิบาย
มีความเหมือนกัน คือ รัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีชื่อว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ต่อมาได้เปลี่ยนคำว่าราชอาณาจักรสยามเป็นราชอาณาจักรไทยจนถึงปัจจุบัน และกล่าวถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาไม่มากหนักได้กำหนดสิทธิและเสรีภาพ การพูด การเขียน การศึกษาอบรม การประชุมโดยเปิดเผย การตั้งสมาคม การอาชีพ
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแตกต่างกัน ได้แก่
- ชื่อเรียกปีพุทธศักราช 2475-2490 ใช้ชื่อเรียก "รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม"
แต่ในปีพุทธศักราช2492-2517 ใช้ชื่อเรียก"รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย"
- ด้านการปกครอง ในปีพุทธศักราช 2475-2490 เป็นการปกครองจากสมบูรณาสิทธิราชที่มีพระมหากษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศ และมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีคณะราษฎร์เป็นผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศ 
ปีพุทธศักราช2492-2517 ไม่ได้พูดถึงการปกครอง
- ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ โดยปีพุทธศักราช 2475-2490 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ พระยามโนปกรณนิติธาดา ส่วนในปีพุทธศักราช2492-2517 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ ศรีธรรมาธิเบศ ประธานวุฒิสภา


5. ประเด็นที่ 3 รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2521-2534 ประเด็นที่ 4 รัฐธรรมนูญฯพุทธศักราช 2540-2550 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร อธิบาย
ระหว่างประเด็นที่ 3 รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2521-2534 ประเด็นที่ 4 รัฐธรรมนูญฯพุทธศักราช 2540-2550 มีความแตกต่างกัน ดังนี้
- ปีพุทธศักราช 2521-2534 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่งตั้งคณะกรรมาธิการทาหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ สามวาระ โดยยึดถือแนวทางอันเป็นปณิธานร่วมของปวงชนชาวไทย
- ปีพุทธศักราช 2540-2550 ประเทศไทยได้มีรัฐธรรมนูญประกาศใช้เป็นหลักในการปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
- ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ปีพุทธศักราช 2521-2534 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ พลอากาศเอก หะรินหงสกุล ประธานสภา นิติแห่งชาติ ส่วนปีพุทธศักราช 2540-2550 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา

|ทางด้านประเด็นที่  3  รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2521-2534 สรุปได้ดังนี้
·       บุคคลย่อมมีเสรีภาพและมีสิทธิเสมอกัน
·       เสรีภาพในวิชาการย่อมได้รับการคุ้มครองที่ไม่ขัดต่อหน้าที่พลเมือง
·       รัฐพึงส่งเสริมและบำรุงการศึกษาอบรม  
·       การศึกษาอบรมชั้นอุดมศึกษา 
·       การศึกษาภาคบังคับในสถานศึกษาของรัฐและท้องถิ่น จัดให้โดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน
·       รัฐพึงช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้ได้รับทุนและปัจจัยต่างๆ ในการศึกษาอบรมและการฝึกอาชีพ
·       รัฐสนับสนุนการวิจัยในศิลปะและวิทยาการต่างๆ และส่งเสริมการใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในการพัฒนาประเทศ
·       รัฐพึงสนับสนุนและส่งเสริมเยาวชนของชาติให้เป็นผู้ที่มีความสมบูรณ์ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา คุณธรรมและจริยธรรม เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และเพื่อความมั่นคงของรัฐ 
| ทางด้านประเด็นที่  4 รัฐธรรมนูญฯพุทธศักราช 2540-2550
·       สิทธิและเสรีภาพในเชิงวิชาการ
·       รัฐจัดการศึกษาให้กับบุคคลมีสิทธิเสมอกันในการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า  12  ปี 
·       รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน   
·       รัฐจะต้องจัดการศึกษาอบรมและสนับสนุนให้เอกชน
·       รัฐส่งเสริมสนับสนุนการกระจายอำนาจ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชุมชนองค์กรต่าง ๆ
·       ส่งเสริมและสนับสนุนความรู้รักสามัคคีและการเรียนรู้ ปลูกจิตสำนึก และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม 


6. เหตุใดรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจะต้องระบุในประเด็นที่รัฐจะต้องจัดการศึกษาอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง อธิบาย
สาเหตุที่รัฐธรรมนูญต้องระบุในประเด็นการศึกษาอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง เพราะรัฐธรรมนูญต้องการให้การศึกษาของไทยเป็นไปอย่างมีระบบตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีระบบการศึกษาเกิดความสอดคล้องกับหลักสูตร และมีบทบังคับการศึกษาที่แน่นอน เพื่อให้หน่วยงานของรัฐรับผิดชอบในด้านต่างๆเกี่ยวกับการศึกษา นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสื่อมล้ำทางสังคมอีกด้วย


7. เหตุใดรัฐจึงต้องกำหนด “บุคคลมีหน้าที่รับการศึกษาอบรมตามเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ” จงอธิบาย หากไม่ปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้น
บุคคลที่มีหน้าที่รับการศึกษาอบรมตามเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติไว้ เนื่องจากต้องการจัดระบบการศึกษาที่ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ ตามกฎบัญญัติ  ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามก็จะเกิดปัญหาทางการศึกษาและการศึกษาจะไม่เป็นระบบ ดังนั้นสาเหตุที่รัฐบาลต้องกำหนด บุคคลให้มีการศึกษา ก็เพราะต้องการให้คนมีการศึกษาพัฒนาตนเอง และต้องการให้มีความรู้เพื่อที่จะประกอบอาชีพและการทำงาน หากรัฐไม่กำหนดบุคคลให้มีการศึกษา ปัญหาที่จะเกิดขึ้นก็คือ ทำให้การศึกษาไทยตกต่ำ และมีปัญหาในการทำงานหรือหน่วยงานต่างๆ ที่ไม่ยอมรับบุคคลที่ขาดความรู้เข้าทำงานในสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศอีกด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างประชาชนให้มีศักยภาพในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าและก้าวทันเทียบกับนานาประเทศได้


8. การจัดการศึกษาที่เปิดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาหากเราพิจารณารัฐธรรมนูญมีฉบับใดบ้างที่ให้องค์กรส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วม และถ้าเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมมากขึ้น ท่านคิดว่าเป็นอย่างไร จงอธิบาย
รัฐธรรมนูญฉบับ พุทธศักราช 2550 ที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และการที่เปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษานั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด และทำให้การศึกษาครอบคลุมมากยิ่งขึ้นมีการกระจายอำนาจและความทั่วถึงของการศึกษาในทุกระดับของประเทศ และ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจะเข้าใจสภาพปัญหาและเข้าถึงประชาชนในท้องถิ่นได้ง่ายกว่าและง่ายกว่า หากมีการเปิดโอกาสให้องค์กรปกครองท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษามากขึ้น จะส่งผลให้คนในประเทศได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน และมีความทั่วถึงมากยิ่งขึ้น เพราะในส่วนของรัฐเอง จะไม่สามารถที่จะลงมาให้ความช่วยเหลือกับบุคคลที่อยู่ในส่วนท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่ แต่หากมีการกระจายอำนาจให้คนในพื้นที่ได้ช่วยเหลือดูแลกันในด้านการศึกษาก็จะทำให้บุคคลที่อยู่ในท้องถิ่นได้รับผลประโยชน์ที่ทั่วถึงมากกว่าและสามารถแก้ปัญหาในท้องถิ่นได้ตรงจุดมากกว่ารอความช่วยเหลือการรัฐบาล นอกจากนี้ยังเป็นข้อดีในการสร้างความเข้มแข็งในแก่ท้องถิ่นอีกด้วย เพราะดังหลักสูตรบูรณาการเป็นหลักสูตรที่ให้ผู้เรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับความเป็น ภูมิปัญญา ความเชื่อ รวมทั้งสถานที่สำคัญของท้องถิ่น หากมีการปลูกฝังที่ดีก็จะส่งผลให้เยาวชนเกิดความรักและหวงแหนในท้องถิ่นนั่นเอง หรือเยาวชนเหล่านั้นนำความรู้และประสบการณ์กลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง


9. เหตุใดการจัดการศึกษา รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชนส่งเสริมความเสมอภาคทั้งหญิงและชาย พัฒนาความเป็นปึกแผ่นของครอบครัวและความเข็มแข็งของชุมชน สงเคราะห์ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ และผู้ด้อยโอกาส จงอธิบาย
ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ต้องได้รับสิทธิตามวรรคหนึ่งและการสนับสนุนจากรัฐ เพื่อให้ได้รับการศึกษาโดยทัดเทียมกับบุคคลอื่น การจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพหรือเอกชน การศึกษาทางเลือกของประชาชน การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมได้รับความคุ้มครองและส่งเสริมที่เหมาะสมจากรัฐ การจัดการศึกษาที่รัฐต้องคุ้มครอง การพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีสิทธิเสรีภาพที่เสมอเท่าเทียมกัน ถึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสบสุขและสร้างความเป็นปึกแผ่นของสังคมที่ควรปฏิบัติ เพื่อให้บุคคลเหล่านั่นสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขและเห็นคุณค่าในตัวเอง


10. ผลการจัดการศึกษาที่ผ่านมาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มีผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างไรบ้าง จงอธิบาย
นับตั้งแต่ได้มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยขึ้นและมีการปรับปรุงแก้ไขในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ได้มีวิวัฒนาการเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่เสรีภาพ การศึกษาอบรม ให้กับเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้มีความสมบรูณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา คุณธรรมจริยธรรม โดยมีแนวทางในการจัดการศึกษา รัฐจะต้องจัดการศึกษาและสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรมเช่นกัน และจัดการศึกษาภาคบังคับให้เข้ารับการศึกษาอบรมโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย สำหรับการศึกษาภาคบังคับ ต่อมาได้เพิ่มเติมจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า 12 ปี รัฐจะต้องจัดอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ พร้อมทั้งจัดให้มีกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ หรือเรียกชื่อว่า “พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติขึ้น” การจัดการศึกษาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีผลต่อการพัฒนาประเทศคือ พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษาในทุกระดับและทุกรูปแบบโดยให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงประชามติเห็นชอบในรัฐธรรมนูญ มีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปี อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ ประชาชนได้รับการศึกษา โดยเสมอภาคและเท่าเทียมกับบุคคลอื่น ทำให้ประชาชนมีความรู้ความสามารถมากขึ้น ปิดช่องว่างความแตกต่างระหว่างบุคคล และความเลื่อมล้ำทางสังคม






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น